สัญญาณเตือนก่อนคลอดนั้นเป็นสิ่งที่คุณแม่หลายๆ คนคงอยากจะรู้ว่าเป็นอย่างไร เพราะหากลูกจะคลอดแล้วตัวเองยังไม่รู้ ก็กลัวว่าจะเกิดอันตรายขึ้นได้หากไปโรงพยาบาลไม่ทัน ดังนั้นเรามาเรียนรู้เรื่องนี้กันค่ะในช่วงเดือนท้ายๆ ของการตั้งดรรภ์ จะใกล้ครบกำหนดคลอดแล้ว คุณแม่อาจปวดท้องแบบจุกแน่น ปวดทั้งท้อง เนื่องจากการแข็งตัวของมดลูก และอาจปวดหน่วงที่ขาหนีบ บางคนอาจจะรู้สึกว่าหัวของลูกกำลังเคลื่อนไหวเพราะลูกจะใช้หัวกดลงมาให้ถุงน้ำคร่ำแตก คุณแม่อาจมีมูกข้นๆ ออกมามาก บางคนอาจรู้สึกว่ามีกรดไหลย้อนขึ้นมาทำให้แสบร้อนที่ลิ้นปี่ซึ่งอาการแบบนี้เกิดขึ้นเป็นปกติ ไม่ต้องตกใจนะคะ
เจ็บท้องเตือน
เกิดขึ้นช่วงเดือนสุดท้ายของการตั้งครรภ์ได้แก่ มีมูกในช่องคลอดข้นเหนียวมากขึ้น มีมูกปนเลือดออกมาทางช่องคลอด การคลอดอาจเกิดขึ้นภายในวันนี้หรืออาจต้องรออีกหลายวันก็เป็นไปได้เช่นกัน คุณแม่อาจจะมีอาการเจ็บท้องเตือนได้เป็นระยะ แต่ความถี่ไม่สม่ำเสมอ ความแรงของการหดตัวของมตลูกจะคงที่ไม่เจ็บเพิ่มขึ้นโดยอาการปวดท้องจะดีขึ้นเมื่อเปลี่ยนอิริยาบถคะส่วนอาการเจ็บท้องคลอดที่ควรไปโรงพยาบาลทันที ไต้แก่ท้องแข็งรุนแรงขึ้นเรื่อยๆ เจ็บท้องแบบสม่ำเสมอ เจ็บนานขึ้นเรื่อยๆอาการเจ็บจะอยู่นานและปวดมากขึ้น มีมูกเลือดปนออกมาเป็นเลือดสด ถุงน้ำคร่ำแตก เพราะสัญญาณนี้หมายถึงอาการที่คุณแม่จะคลอดน้องในไม่ช้าแล้วค่ะ
ช่วงสัปดาห์ท้ายๆ ก่อนคลอด คุณแม่ต้องงดทำงานหนักนะคะ พักผ่อนให้เพียงพอ ควรนอนพักกลางวันวันละ 1 ชั่วโมง นอนพักกลางคืนวันละ 6-8 ชั่วโมง รับประทานอาหารที่มีประโยชน์ให้ครบ 5 หมู่ ดื่มน้ำวันละ 8 - 10 แก้ว ที่สำคัญคือห้ามกลั้นปัสสาวะ เพื่อไม่ให้ติดเชื้อในทางเดินปัสสาวะ พยายามถ่ายอุจจาระทุกวัน อย่าให้ท้องผูก ไม่สูบบุหรี่ไม่มีเพศสัมพันธ์ คอยสังเกตว่าเด็กในครรภ์ดิ้นหรือไม่ถ้ามีอาการดังนี้ให้รีบมาพบแพทย์ เช่น เจ็บดรรภ์คลอดสามครั้งในหนึ่งช่วโมง เด็กดิ้นน้อยกว่า 10 ครั้งในหนึ่งวัน น้ำเดินนีมูกเลือดและเลือดสดๆ ออกจากช่องคลอด
การคลอด
คุณแม่ที่ใกล้คลอตจะมีสัญญาณเตือนอันได้แก่ การที่มีเมือกหรือน้ำใสๆ ไหลออกมาจากช่องคลอด ปวดหน่วงๆ ที่ท้อง ถ้าเกิดอาการแบบนี้คุณพยาบาลจะเตรียมคลอด จะโกนขนทำความสะอาด สวนอุจจาระ ปัสสาวะให้เรียบร้อย คุณแม่นอนรอจนกว่าจะเจ็บท้องคลอดแพทย์จะมาคอยตรวจว่าปากช่องคลอดว่าเปิตกี่เซนติเมตรแล้ว โดยใช้มือแตะๆ ดู หากช่องคลอดเปิดกว้างพอ แพทย์จะพาเข้าห้องคลอด โดยนอนบนเตียงทำคลอดที่เป็นขาหยั่ง คุณแม่ต้องยกขาพาดไว้ จากนั้นดุณพยาบาลจะสอนวิธีเบ่ง ให้ค่อยๆ เบ่งช้าๆ การคลอดด้วยตัวเองอาจต้องมีการฉีดยาชาและเตรียมปากช่องคลอด เช่น ผ่าตัดฝีเย็บ เพื่อให้รักษาแผลได้ง่าย เพราะหากไม่ได้เตรียมไว้อาจทำให้ปากมดลูกฉีดขาดได้นะคะ
ถ้าลูกคลอดยากแพทย์อาจใช้เครื่องมือ เช่น คีมหรือเดรื่องดูดสุญญากาศช่วยให้ลูกออกได้เร็วขึ้น เมื่อลูกคลอดแล้วคุณพยาบาลจะพาไปทำความสะอาด ส่วนคุณแม่ก็ไปพักที่ห้องพัก รอพบกับลูก จากนั้นคุณพยาบาลก็จะสอนวิธีการให้นมลูกต่อไปค่ะ สำหรับคุณเเม่ที่จะผ่าตัดคลอด ต้องงดอาหารและน้ำ ตั้งแต่เที่ยงคืน แต่กลืนน้ำลายได้ ตอนรอคลอดคุณแม่จะต้องเปลี่ยนเสื้อผ้า อาบน้ำ เข้าห้องน้ำถ่ายปัสสาวะ อุจจาระให้เรียบร้อย เซ็นใบยินยอมรับการรักษา คุณพยาบาลจะทำความสะอาดอวัยวะเพศ โกนขนใส่สายสวนปัสสาวะ ใส่สายน้ำเกลือ
จากนั้นคุณพยาบาลจะเอาเครื่องมือที่วัตการเต้นของหัวใจลูกมาติดที่ท้องแม่ และได้ฟังเสียงหัวใจลูกเต้น ซึ่งเสียงหัวใจจะดังเร็วและแรงมากค่ะ เสียงคล้ายๆ กับเสียงของรถไฟเลยทีเดียว จากนั้นคุณแม่จะถูกพาไปที่ห้องผ่าตัด คุณแม่อาจเลือกว่จะดมยาสลบหรือฉีดยาชาเข้าไขสันหลังก็ได้ อย่างไรก็ตามแพทย์จะพิจารณาความเหมาะสมว่าคุณแม่ท่านใดควรใช้วิธีใด หากเลือกแบบฉีดยาชาเข้าไขสันหลัง คุณแม่จะยังคงรู้สึกตัว เห็นหน้าลูกตอนคลอดได้ทันที แต่หากคุณแม่เลือกแบบดมยาสลบ หลังจากผ่าตัดประมาณ 2 ชั่วโมงคุณแม่ก็จะตื่นมาเห็นลูกได้ส่วนคุณพ่อจะได้เห็นลูกก่อนใคร
ข้อแนะนำหลังคลอด
ช่วงหลังคลอดเป็นช่วงเวลาที่คุณ แม่ต้องได้รับการดูแลและต้องพักผ่อนอย่างเต็มที่นะคะ เพราะ หลังคลอดร่างกายจะอ่อนแอมาก เนื่องจากเสียเลือดมาก และยังมีอาการเจ็บแผล หากไม่ได้รับการดูแลเป็นพิเศษ อาจจะเกิดภาวะแทรกซ้อนที่รุนแรง เช่น การติดเชื้อ ตกเลือด มีไข้ ปวดท้อง กดเจ็บ น้ำคาวปลามีสีแดงสด หรือไหลตลอดเวลา อาจเป็นอันตรายต่อแม่ได้ อย่างไรก็ตามคุณแม่หลังดลอดส่วนใหญ่ร่างกายจะกลับสู่ปกติได้ในเวลาไม่นานคะ
สำหรับคุณแม่ที่กำลังใกล้คลอดอยู่มีอาการอย่างที่กล่าวมากันบ้างไหมค่ะ บทความนี้น่าจะมีประโยชน์อยู่บ้างสำหรับคุณแม่หลายๆคนที่เจอปัญหานี้อยู่นะค่ะ และคุณแม่ที่กำลังหา ชุดคลุมท้อง สวยๆ เสื้อให้นมลูก อย่าลืมฝากร้าน มามี่จิ๊ฟฟี่ด้วยนะค่ะ
เรียบเรียงโดย mamyjiffy.com
หน้าที่เข้าชม | 1,088,615 ครั้ง |
ผู้ชมทั้งหมด | 467,895 ครั้ง |
เปิดร้าน | 15 พ.ย. 2558 |
ร้านค้าอัพเดท | 5 ก.ย. 2568 |